แวะชม 7 ที่เที่ยวในมาเล่ เมืองหลวงของมัลดีฟส์

มาเล่ เป็นเมืองหลวงของประเทศ มัลดีฟส์ ตั้งอยู่บนเกาะมาเล่ในหมู่เกาะคาฟุ เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาเกาะเล็กเกาะน้อยของประเทศ มีการปกครองส่วนท้องถิ่นที่แยกจากหมู่เกาะอื่น ๆ โดยบนเกาะมีประชากรกว่า 130,000 คนบนพื้นที่เพียงแค่ 6.8 ตร.กม. ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

ก่อนเที่ยวมาเล่ เรามาทำความรู้จัก มาเล่ เมืองหลวงมัลดีฟส์ เมืองแห่งศิลปะวัฒนธรรมพื้นเมือง ที่แตกต่างจากเกาะสวรรค์ต่างๆในมัลดีฟส์อย่างสิ้นเชิงการไปเที่ยวมัลดีฟส์เกาะสวรรค์ ชมทะเลสวยน้ำใส หาดทรายขาวนวลที่ใจกลางมหาสมุทรอินเดีย มีหลากหลายกิจกรรมให้ได้เพลิดเพลิน ทั้งดำน้ำ นอนอาบแดด และจิบค็อกเทลชมบรรยากาศของท้องทะเล แต่มีคนไม่มากนักที่จะรู้จัก มาเล่ เมืองหลวงมัลดีฟส์ ที่ไม่ใช่แค่เพียงเป็นสนามบินฯ แต่ยังเป็นศูนย์กลางธุรกิจมากมายของประเทศ แถมยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่เล็กที่สุดในโลกอีกด้วย

ชาวเมืองมาเล่ส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาอิสลาม จะมีการทำละหมาดตามมัสยิดกันในทุก ๆ วัน  ไม่มีอาหารที่เป็นเนื้อหมู ไม่มีเครื่องดื่มแอลกฮออล์ และที่สำคัญหากคุณเป็นผู้หญิงต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยและมิดชิดหน่อย งดโป๊ เสื้อเกาะอก สายเดี่ยว บิกินี กางเกงขาสั้นด้วยนะ (แต่ก็จะมีพื้นที่ยกเว้น ก็ที่ชายหาด Bikini Beach ที่ Maafushi  ที่ทางเกาะจัดพื้นที่ไว้ให้ ซึ่งจะอยู่ทางด้านซ้ายของเกาะ และที่โรงแรมตาม Atolls ต่างๆ จะจัดเต็มทั้งชุดบิกินี่ และแอลกฮออล์ได้ตลอดทั้งวัน) ชาวมัลดีฟส์จะมีผิวสีเข้มๆ ยิ้มแย้มเป็นมิตร ผิวเข้ม หน้าบึ้ง ฟันขาวจั๊วะ แต่ก็ใจดี ล้วนแต่พูดคุยด้วยได้เป็นอย่างดีภาษาท้องถิ่นคือ ดิเวฮิ (เวลาพูดก็ฟังยากเหมือนเวลาฟังชาวอินเดียพูดนั่นแหละ) ส่วนงานบริการ และพนักงานในโรงแรมจะพูดภาษาอังกฤษได้ดี (ส่วนใหญ่มาจากอินเดียและปากีสถาน)

แล้วสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่สำคัญของเมืองมาเล่ จะมีอะไร ที่ไหน น่าสนใจบ้างนั้น ไปดูกันเลย !!!

 1. อนุสาวรีย์สึนามิ

อนุสาวรีย์สึนามิจัดตั้งขึ้นเพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สึนามิในปี 2547  ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวหลายคนให้ความสนใจมาก ไม่เพียงแค่ด้านประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวทั้งหลายเดินทางมาเพื่อดูสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์และมีความหมาย มีลูกบอลเหล็กที่เป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะทั้ง 21 แห่ง แกนกลางเป็นแท่งเหล็ก โดยแต่ละแท่งเป็นตัวแทนของชีวิตเหยื่อที่หายไปกับเหตุการณ์สึนามิพร้อมกับชื่อของเหยื่อที่ถูกจารึกไว้  ปัจจุบันอนุสาวรีย์สึนามิเปิดเป็นพื้นที่โล่งเพื่อให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมได้ตลอดเวลา นอกจากจะได้ชมความสวยงามของอนุสาวรีย์แล้ว สามารถนั่งเล่นรับลมทะเล พร้อมกับลิ้มรสอาหารท้องถิ่นอร่อย ๆ ของอาหารพื้นเมืองที่มีขายอยู่รอบบริเวณนี้อีกด้วย

2. Old Friday Mosque - มัสยิดเก่าแก่

Old Friday Mosque หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ Malé Hukuru Miskiy หนึ่งในมัสยิดที่เก่าแก่และหรูหราที่สุดในเมือง มาเล่ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1656 ใความพิเศษของมัสยิดนี้คือการใช้วัสดุในการสร้างที่แปลกใหม่นั่นนั่นก็คือ ปะการัง ซึ่งนำมาผสมผสานกับลวดลายโค้งมนแบบดั้งเดิม รวมกันแล้วทำให้เกิดเป็นสถาปัตยกรรมวัฒนธรรมทะเลที่มีความโดดเด่นอย่างลงตัว และยังได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจาก UNESCO ในปี 2008 เพื่อเป็นตัวอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมวัฒนธรรมทะเลบริเวณรอบ ๆ มัสยิดถูกโอบล้อมไปด้วยสุสานและหินแกะสลักมากมาย โดยที่นี่จะมีหลุมฝังศพอยู่ด้วย ของผู้หญิงมียอดกลม ส่วนของผู้ชายมียอดแหลม ดังนั้นหากได้แวะมาเยี่ยมชม Old Friday Mosque ควรจะสำรวมกายวาจาใจกันด้วย

3. Grand Friday Mosque - มัสยิดกลาง

Grand Friday Mosque หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อ Masjid-al-Sultan Muhammad Thakurufaanu Al Auzam เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในมาเล่ สร้างขึ้นจากการบริจาคของอิสลามในหลาย ๆ ประเทศ ดูเรียบง่าย แต่โดดเด่นไปด้วยหินอ่อนสีขาวและโดมสีทองที่โดดเด่นเป็นสง่า ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมือง มาเล่ เป็นสถานที่สำคัญที่ดึงดูดเหล่าผู้แสวงบุญ และผู้ที่ชื่นชอบในสถาปัตยกรรม ต่างเดินทางมาเพื่อเยี่ยมชมความงามและเรียบหรูของมัสยิดแห่งนี้ ข้อแนะนำสำหรับการเยี่ยมชมมัสยิดนี้คือ  เราสามารถเข้าชมภายในได้ ตั้งแต่ 09.00 - 17.00 น. ยกเว้นช่วงเวลาละหมาด   และต้องแต่งกายสุภาพมิดชิดเท่านั้น

4. Muliaage Palace - ที่พักของประธานาธิบดีแห่งมัลดีฟส์

Muliaage Palace เป็นอาคารที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมยุคใหม่และสถาปัตยกรรมแบบอิสลามได้อย่างลงตัว เดิมทีที่แห่งนี้เป็นพระราชวังเก่าของสุลต่าน ที่สร้างโดยสุลต่าน Shamsudheen III ในช่วงสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 พอหลังจากที่มัลดีฟส์ล้มเลิกระบบสุลต่าน Mulee-aage ที่แห่งนี้จึงกลายเป็นที่พำนักของประธานาธิบดีมาจนถึงปัจจุบันด้วยสีสันสดใสของ Muliaage Palace จึงไม่แปลกใจที่สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปที่แลนด์มาร์กแห่งนี้ได้ไม่น้อย นอกจากนี้ยังมี Medhu Ziyaaraiy เป็นหลุมฝังศพของนักวิชาการชาวโมร็อกโก Abul Barakat Yousef Al-Berberi ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผู้ที่นำศาสนาอิสลามเข้าสู่ประเทศในปี 1153 เลยทำให้พื้นที่ตรงนี้ดูมีวัฒนธรรมต่างจากพื้นที่ใกล้เคียงในสมัยนั้น เพราะเป็นจุดกำเนิดของการเข้ามาของศาสนาอิสลามนั่นเอง

5. Republic Square

Republic Square ชาวท้องถิ่นเรียกว่า Jumhooree Maidan ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทางเหนือ ถูกสร้างขึ้นในปี คศ.1989 ใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญ ๆ ต่าง ๆ ที่นี่จะเป็นลานกว้าง ๆ มีน้ำพุอยู่ใกล้กับท่าเรือ จะเห็นธงชาติมัลดีฟส์โบกสะพัดอยู่ รวมทั้งเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวท้องถิ่นอีกด้วย ถ้าเป็นวันศุกร์แล้ว คนท้องถิ่นจะออกมานั่งเล่นรับลมเย็นๆ ริมทะเลบริเวณนี้กันอย่างหนาแน่นเลยทีเดียว

6. พิพิธภัณฑ์แห่งชาติมัลดีฟส์

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติมัลดีฟส์ จัดแสดงศิลปวัตถุโบราณวัตถุที่สำคัญ อาทิ สมบัติและของใช้ส่วนพระองค์ของอดีตสุลต่าน อาวุธ งานปักผ้าฝีมือชาวมัลดีเวียน รวมถึงศิลปะการแกะสลักหินของชาวมุสลิม และโบราณวัตถุซึ่งนักโบราณคดี Thor Heyerdahl รวบรวมมาจากทั่วประเทศ ตั้งอยู่ที่ถนน Medhuziyaaraiy Magu เปิดให้เข้าชมทุกวันอาทิตย์-พฤหัสบดี เวลา 08:00-18:00 น. (ปิดวันศุกร์)

7. Medhu ziyaaraiy maldives

Medhu ziyaaraiy maldives คือ ซุ้มมประตูสีขาวสลับฟ้าในรูปแบบเรขาคณิตง่ายๆ ที่ดึงดูดความสนใจของผู้ผ่านไปมา สถานที่นี้คือที่ตั้งของสุสานของ Abdul Barakat Yousef Al-Berberi ชาวโมรอกโก ซึ่งเป็นผู้นำศาสนาอิสลามมาสู่ประเทศมัลดีฟส์ในปี ค.ศ. 1153

สำหรับใครที่จะไปเที่ยวมัลดีฟส์ ขอแนะนำว่าให้แวะเที่ยวมาเล่ เมืองหลวงมัลดีฟส์ด้วยสักครั้ง การเที่ยวรอบเมืองก็ทำได้ง่าย ๆ โดยการเดินเที่ยวทั่วเกาะ เพื่อชมวิถีชีวิตชาวมาเล่และสถาปัตยกรรมสวยงามเฉพาะตัวที่เมืองหลวงแห่งนี้ ก็เป็นการเปิดประสบการณ์เที่ยวที่มัลดีฟส์ ไปอีกแบบเลยนะ

จะเที่ยวมัลดีฟส์ สายการบินอะไรดี?

แชร์ บทความนี้

พูดคุย เกี่ยวกับบทความนี้