ศาลเจ้าญี่ปุ่น ความเชื่อที่อยู่คู่กับคนญี่ปุ่นมานานแสนนาน
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushii Inari Taisha Shirine)
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ หรือ ศาลเจ้าพ่อจิ้งจอกขาว สร้างขึ้นเพื่อบูชาสุนัขจิ้งจอก เป็นศาลเจ้าญี่ปุ่นที่เชื่อกันว่าเป็นทูตของเทพเจ้าของการเก็บเกี่ยว พื้นที่บริเวณนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำ เมื่อปลูกข้าวจึงได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ จึงเป็นแหล่งของการผลิตเหล้าสาเกคุณภาพดีด้วยเช่นกัน
ศาลเจ้าแห่งนี้มีสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของญี่ปุ่นปรากฎอยู่ แทบทุกคนต้องเคยเห็นภาพอุโมงค์ทางเดินที่เกิดจากการเรียงโทริอิสึแดงจ้ากว่าหนึ่งหมื่นซุ้ม ทอดสู่ฟูชิมิอินาริไทชะ หรือศาลเจ้าพ่อสุนัขจิ้งจอก ชาวนาเชื่อกันว่าเป็นผู้เดินสารของเทพแห่งการเก็บเกี่ยว ใช้เวลาเดินทาง 4 กิโลเมตร ก็จะพบศาลแห่งนี้ การเดินชมเสาโทริอินนี้ ต้องใช้เวลาในการเดินหลายชั่วโมงกว่าจะเดินได้ครบ
วัดเซ็นโซจิ หรืออาซากุสะคันนง
วัดเซ็นโซจิ หรือ อาซากุสะคันนง ที่เรียกกันว่าวัดอาซากุสะ เนื่องจากตั้งอยู่ในย่านอาซากุสะ ซึ่งวัดนี้เป็นวัดเก่าและน่าจะเป็นวัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคคันโต ซึ่งมีนักท่องเที่ยวนิยมมาเยือนกันแน่นขนัดทุกปี มีร้านค้าให้ซื้อของที่ระลึกตั้งเป็นแถวยาว จึงทำให้วัดแห่งนี้รุ่งเรืองและคึกคักไปด้วยผู้คน
มีตำนานของวัดแห่งนี้เล่าต่อๆ กันมาว่า ได้มีชายหาปลาสองคนพี่น้องมาทอดแหในแม่น้ำสุมิดะ แต่กลับได้รูปปั้นพระโพธิสัตว์ หรือเทวรูปคันนงแทน ด้วยความศรัทธาของ 2 พี่น้องและชาวบ้านของหมู่บ้านละแวกนั้น จึงได้อัญเชิญเทวรูปคันนงประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้ โดยหัวหน้าหมู่บ้านจึงสร้างวัดขึ้นใน ค.ศ.628 เพื่อประดิษฐานรูปปั้นนั้น และตำนานยังมีต่ออีกว่าในช่วงเวลาใกล้เคียงกันกับที่พบรูปปั้นได้ปรากฎมังกรทองตัวหนึ่งเลื้อยลงมาจากสวรรค์ บรรดาโชกุนและซามูไรต่างก็นิยมมาสักการะที่วัดนี้
ทางทิศตะวันออกของวัดคือ แม่น้ำซูมิดะงาวะ ไหลลงอ่าวโตเกียว และใกล้ๆ กันจะมีสวนสาธารณะ ซูมิดะโคเอ็น ซึ่งเปิดโล่งสู่แม่น้ำด้วยบรรยากาศสวยงามน่าเดินเล่น โดยเฉพาะช่วงดอกซากุระบานสะพรั่งริมแม่น้ำแห่งนี้ยิ่งสวยงามเหนือคำบรรยาย
วัดซังจูซังเง็นโด sanjusangendo
Cr. digital-images.net
จากตะวันออกของสถานีเกียวโตเมื่อเดินข้ามแม่น้ำคาโมงาวะมา ก็จะพบ วัดซังจูซังเง็นโด ซึ่งใช้เป็นฉากถ่ายภาพกีฬายิงธนูบ่อยๆ วัดนี้จัดงานเทศกาลยิงธนูอันโด่งดังในวันที่ 15 มกราคมของทุกปี หลังคาวิหารมีความยาว 60 เมตร รองรับด้วยเสา 33 ต้น ผนังระหว่างเสามีซุ้มเว้าเข้าไป 33 ซุ้ม ภายในวิหารประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิมพันกร พร้อมเหล่าสาวกอีกหนึ่งพันซึ่งมีใบหน้าที่แตกต่างกันออกไป
วัดคิโยมิซุเดระ kiyomizudera
หากเดินขึ้นไปตามเนิน ซึ่งอยู่บนถนนฮิงาชิโดริทางด้านทิศตะวันออก ก็จะพบกับ วัดคิโยมิซุเดระ วัดซึ่งมีวิหารใหญ่ตั้งอยู่บนไหล่เขา รองรับด้วยเสาไม้มหึมา โดยระเบียงอันเป็นเวทีร่ายรำนั้นยื่นชะโงกเหนือหุบเหว วัดนี้มีอายุเก่าแก่กว่านครเกียวโต สร้างในปี ค.ศ.788 ถวายแด่พระโพธิสัตว์กวนอิม 11 พักตร์ ด้านหลังวิหารใหญ่คือศาลเจ้าจิชู ซี่งเป็นศาลที่รู้จักกันดีที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นที่ประทับของเทพเจ้าแห่งความรักและความราบรื่นในชีวิตสมรส ที่ศาลเจ้านี้ยังมีหินตาบอด ซึ่งห้ามเดินข้ามแต่ถ้าจะเดินผ่านก้อนหินที่ขนาบสองข้างนั้นต้องหลับตา เชื่อกันว่าถ้าสามารถเดินท่องชื่อคนรักในใจไปได้ไกลถึง 20 เมตรแล้ว ความรักและชีวิตคู่ก็จะไปได้ตลอดรอดฝั่ง...อย่างนี้ก็ต้องลองไปพิสูจน์กันแล้ว
วัดนันเซนจิ nansenji
Cr. japanesesearch
เมื่อเดินจากเฮอันจิงงุไปทางตะวันออกเล็กน้อยก็จะถึง วัดนันเซนจิ ซึ่งเป็นวัดเซนที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเกียวโต ภายในอารามประกอบด้วยโบสถ์กลาง และโบสถ์เล็ก 12 แห่ง โดยเปิดให้เข้าชมเพียง 4 แห่ง ภายในวัดจะสัมผัสได้ถึงปรัชญาแห่งเซน เนื่องจากความกลมกลืนของหมู่สนกับสถาปัตยกรรมวัด ศิลปะการจัดสวนอย่างลงตัว
วัดเรียวอันจิ (Ryoan-ji)
วิหารหุ้มด้วยทองคำมี 3 ชั้น โดยชั้นแรกมีลักษณะเป็นพระราชวัง ชั้นที่สองเป็นแบบบ้านซามูไร ส่วนชั้นที่สามเป็นแบบวัดเซน วัดแห่งนี้ล้อมรอบด้วยสระน้ำกว้างใหญ่ โอบล้อมด้วยแมกไม้ จึงมีทัศนียภาพที่งดงามยิ่ง วัดเรียวอันจิ ที่นี่มีสวนหินแบบเซนที่เรียกกันว่า คาเระซันซุย ซึ่งโด่งดังไปทั่วโลก สวนแห่งนี้คือภาพแอ็บสแตร็กซึ่งวาดด้วยโขดหินแทนน้ำหมึก หิน 15 ก้อน (มีก้อนหนึ่งซึ่งเราไม่มีวันมองเห็นได้ด้วยตา) บนผืนกรวดนั้นไม่มีใครหยั่งรู้ความหมายที่แท้จริงของมัน ได้แต่คาดเดากันไปต่างๆนานา หากมานั่งที่ระเบียงแล้วปล่อยใจให้ว่าง ความแห้งแล้งของภาพเบื้องหน้าจะนำพาความเวิ้งว้างไร้ที่สิ้นสุดมาสู่คุณ กล่าวกันว่าเป็นการยกระดับจิตเข้าสู่ภาวะแห่งเซน
แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบเดินทางร่วมกันกับผู้อื่นเราขอแนะนำประสบการณ์ในการเดินทางแบบใหม่เรียกว่าการเดินทางแบบเที่ยวส่วนตัวหรือว่า "Group and Go" นั่นเองค่ะ
แชร์ บทความนี้
พูดคุย เกี่ยวกับบทความนี้