เมืองเกียวโต ยามคืนสว่าง SPARKING NIGHT IN KYOTO
กลางคืนของเมืองเกียวโต คืออีกโลกที่ฉันไม่คิดคาดว่าจะได้สัมผัส ยามที่ต้นไม้ใบไม้ของเมืองกำลังบิดขี้เกียจจากการซุกตัวใต้ผ้าห่มเนิ่นนาน ภายใต้ความเย็นเยียบของหน้าหนาว ความสดชื่นก็เดินทางเข้ามาให้ได้ฉลอง โห่ร้องกันอย่างสดใส ทั้งธรรมชาติ ดอกไม้ ฝนปรอย สายลม และผู้คน เกียวโตไม่ได้ตื่นคึกคักเหมือนโตเกียวที่ไม่เคยหลับสักนาที แต่เกียวโตกลางคืนของแต่ละฤดู มีเสน่ห์ของบรรยากาศที่ ยากจะบรรยาย และไม่มีที่ไหน!
ที่สถานีรถไฟใต้ดิน หลังเลิกงานเหมือนถูกแย่งอากาศหายใจ เพราะผู้คนจะเดินกันเร็วและยั้วเยี้ยหนักตา ราวกับขบวนมดเดินย้ายบ้านหนีน้ำ ไม่ว่าฤดูไหน เมืองเกียวโตและสถานีรถไฟจะยุ่งไปด้วยผู้คนเสมอ บนท้องถนน จักรยาน จะถูกปั่นด้วยความเร็วปรี๊ด ลู่ทะยานผ่านอากาศของถนนกลางเมืองไป แม้อากาศจะเย็น ฉันก็ยังรู้สึกวูบได้ด้วยลมไวๆ ยามที่มีคนขับผ่าน กลิ่นหอมของดอกซากุระเบาเอื่อย โดยใช้ความเย็นของอากาศเป็นตัวนำให้ผ่านมาทักทายลมหายใจของคนที่สัญจรผ่านไปมา เส้นทางที่ฉันเลือกเดินวุ่นวายน้อยลงไปดว้ยเรื่องราวของ "วัน" และมีความมลังเมลืองของ "คืน" คืบคลานเข้ามา เสียงฝีเท้าเลียบแม่น้ำคาโม (Kamo River) ทางด้านเหนือของเมืองย้ำถี่ขึ้น เมื่อฉันได้เดินเข้าไปใกล้สวนพฤกษศาสตร์ เสียงแซ็กโซโฟนจากใต้สะพาน ที่ดังก้องราวกับมาจากลำโพงชั้นดี ค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยเสียงฝีเท้าของผู้คน ในความมืดไร้แสง เพราะมีต้นไม้คลุมบังแสงจันทร์จากบนฟ้า ที่สุดปลายตาไกลๆ ฉันเห็นปุยขาวสว่างในความมืด

สวนที่มีต้นไม้มากถึง 120,000 ต้น ไม่มีอะไรทำให้ฉัน อัศจรรย์ตาและพิศวงใจได้เท่าซากุระ 110 ต้นนี้ได้เท่าวินาทีนี้ จังหวะที่เห็นความสว่างกระจ่างกลางความมืดของทิวปุยดอก ซากุระบนต้นใหญ่นั้น ฉันแทบหันหลังกลับวิ่งหนี เพราะมันไม่เหมือนจริงเอาเสียเลย เงาทิวดอกซากุระที่เหมือนปุยเมฆ กลางความมืดนั้น นอนสลบนิ่งบนผิวน้ำอมยิ้มพริ้ม สะกดให้ คนที่มาได้สบตานิ่งอึ้งไปหลายวินาที สำหรับคนญี่ปุ่นเอง ทั้งอึ้งทั้งรำพึงอื้ออ้ากันตึงตัง ในภาพของดอกซากุระที่ กระจ่างสว่างกลางแสงไฟในสวนแห่งนี้ หนึ่งอาทิตย์ใน เกียวโตกับซากุระ จึงคือช่วงฮันนีมูนระหว่างธรรมชาติและ ผู้คนที่หวานหอมเหลือเกิน
คนญี่ปุ่นมาดูดด่ำความงามของต้นซากุระกันตั้งแต่เช้า จรดค่ำอย่างไม่เว้นวรรคนั้น พลอยทำให้ฉันได้ค้นพบกับชีวิตซีกอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ในย่านต่างๆ ของเวลาแห่งเกียวโตเข้าไปด้วย ทุกๆ คืนฉันจะตื่น (เต้น) กับความรู้สึกของการค้นหาเกียวโต ฉันจะรอให้วัดปิดแล้วค่อนแอบย่องย่างเตร็ดเตร่ จนมีไฟจากข้างทางเปิดสว่างส่องทางแทน คืนหนึ่ง ฉันเลาะเดินตามทาง ลาดลงจากวัดคิโยมิสึไปตามใจ ตามบันไดไม้ เก่าที่มีร้านโคมน้อยๆ ห้อยข้างหน้า แวะดูผ้าเช็ดหน้า หน้ากาก และเครื่องหอม เลาะไปตามแสงไฟที่ลอดผ่านใต้ ช่องประตูของบ้านร้านที่สะท้อนบนถนนหิน กลิ่นของย่างกับกลิ่นเต้าเจี้ยวนำให้เดินตามไปในทางที่คิดว่าจะมีร้านอาหาร
แต่ก็มาสะดุดอึดใหญ่อีกทีที่ได้พบกับเจดีย์ยาซากะ (Yasaka) ห้าชั้น ที่สูงตระหง่านประดับเส้นขอบฟ้า โดดเด่น อยู่กลางซอยเล็กของบ้านไม้โบราณเกียวโต เจดีย์ยาซากะนี้ รอดจากแผ่นดินไหวมาอย่างอัศจรรย์ ด้วยเพราะโครงสร้างที่ ออกแบบให้รับมือกับการถ่ายเทน้ำหนัก จากความชาญฉลาด ของคนโบราณ และยังเป็นความสวยของศิลปะ ที่เป็นแรง บันดาลใจให้ศิลปินและผู้พบเห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ ฉันหมุนคอ ทำองศามองยอดเจดีย์อยู่หลายมุมในความเงียบ ท่ามกลาง ความโดดเดี่ยวที่ไม่วังเวงแบบนี้คนเดียว และก็อดอมยิ้มหัน ซ้ายขวามองรอบตัวอย่างมีความสุขไม่ได้ว่า สิ่งที่สัมผัสอยู่กับ เท้า ผิว ผม และตา นี้คือความจริง! ฉันไม่ได้หลงทาง แต่ยินดีหลงไปกับบรรยากาศ ที่ริมขอบย่านปองโตโช มีบ้านไม้หลังน้อยๆ สองชั้นเรียง ตัวเป็นระเบียบบนสองข้างทางที่สงบของถนนโล่ง ความจริง ฉันคงเดินผ่านความนิ่งนี้ไปได้ง่ายๆ หากไม่เห็นว่าบานประตู โรงน้ำชา มีมือเล็กขาวเรียวของไมโกะ สอดออกมาเลื่อนบาน ประตูให้เปิดออก ก่อนที่เธอจะเลื่อนตัวผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปานลมที่พัด เสียงดนตรีจากเครื่องสายโกโตะดังเบาๆ สร้างบรรยากาศ เหงาให้เหงาอย่างมีความสุขอย่างประหลาดเข้าไปอีก
สวนที่มีต้นไม้มากถึง 120,000 ต้น ไม่มีอะไรทำให้ฉัน อัศจรรย์ตาและพิศวงใจได้เท่าซากุระ 110 ต้นนี้ได้เท่าวินาทีนี้ จังหวะที่เห็นความสว่างกระจ่างกลางความมืดของทิวปุยดอก ซากุระบนต้นใหญ่นั้น ฉันแทบหันหลังกลับวิ่งหนี เพราะมัน ผิดกับย่านกิอองต้นถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้มาเยือนทั้งนอก และใน ตรงนั้นน่ะ ไม่มีทางจะได้รู้จักคุณค่าของความเปลี่ยว เปล่าของบรรยากาศของโลกเงียบแห่งเกียวโตได้เลย ฉันออกจะดีใจที่หลง ...และเต็มใจติดนิสัยที่ติดใจการออกย่ำค่ำคืนในเกียวโต อย่างหัวปักหัวปำ เพราะทุกคืนของเกียวโตคือความลับ ที่ไม่มีใครแม้แต่ตัวฉันเอง จะได้รู้ล่วงหน้าเลย
แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบเดินทางร่วมกันกับผู้อื่นเราขอแนะนำประสบการณ์ในการเดินทางแบบใหม่เรียกว่าการเดินทางแบบเที่ยวส่วนตัวหรือว่า "Group and Go" นั่นเองค่ะ
แชร์ บทความนี้
พูดคุย เกี่ยวกับบทความนี้