รีวิวรีสอร์ทมัลดีฟส์ Dreamland Maldives ความสุขที่เหมือนอยู่บ้าน
คุณอยากไปมัลดีฟด้วยงบเท่าไหร่ ? ถ้าหากอยากไปเที่ยวแบบงบไม่บานปลาย ไปที่เดียวได้ครบทุกอย่างต้องนี่เลย Dreamland The Unique Sea & Lake Resort Spa ที่นี่จะทำให้ทุกท่านรู้สึกเหมือนอยู่บ้านดัง Concept ที่ว่า Dreamland Feel Like Home ความสุขท่ามกลางธรรมชาติ ที่จะทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ดัง Concept ที่ว่า Dreamland Feel Like Home แถมยังอยู๋ในราคาเอื้อมถึง ไม่เกินงบแต่ได้ความสุขแบบมัลดีฟส์ไปเต็มๆ
Dreamland Maldives กับความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร
Dreamland ดินแดนในฝัน สวรรค์มัลดีฟส์ กับรีสอร์ทหรูระดับ 4 ดาว รีสอร์ทน้องใหม่ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ เพราะว่ารีสอร์ทตั้งอยู่ใจกลาง Atoll Baa (เป็นเกาะปะการังรูปวงแหวนที่ล้อมรอบลากูน ที่อาจล้อมปิดลากูนโดยสมบูรณ์หรือล้อมรอบเป็นบางส่วนก็ได้) ความพิเศษของรีสอร์ทแห่งนี้ก็คือ มีป่าโกงกางที่สูง 20 เมตรที่สมบูรณ์ ถือว่าแปลกมากในมัลดีฟส์ ซึ่งไม่ค่อยพบในเกาะอื่นๆ
ที่พิเศษไปกว่านั้นยังมีสระว่ายน้ำชีวภาพกำลังเป็นที่นิยมในยุโรปในตอนนี้ ซึ่งจะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายยิ่งขึ้น เพราะปราศจากสารเคมีและคลอรีน บอกเลยว่ามีที่นี่ที่เดียวในเอเชีย โดยได้จัดแบ่งพื้นที่สำหรับว่ายน้ำชัดเจนและหลังขอบสระจะมีสระบัวและโรทาร่ากุหลาบ แถมในใต้น้ำจะมีพืชน้ำทำหน้าที่บำบัดน้ำ ฟอกอากาศ ผลิตออกซิเจน เป็นกระบวนการตามธรรมชาติที่สรรสร้างโดยรีสอร์ทแห่งนี้ ใครที่ชอบบรรยากาศธรรมชาติที่ล้อมรอบด้วยทะเลแบบนี้ รับรองว่าจะต้องประทับใจกับการบริการที่ยอดเยี่ยมและวิวทิวทัศน์ ที่ทำให้คุณต้องหลงรักที่นี้และกลับมาพักอีกครั้งแน่ๆ
การเดินทางไปรีสอร์ทมัลดีฟส์
มาเที่ยวมัลดีฟทั้งทีก็ต้องนั่ง Seaplane กันหน่อย ซึ่งการเดินทางด้วยเรือบินน้ำนี้จะบินตรงสู่รีสอร์ท ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่นัก เหมาะสำหรับคนที่อยากถึงที่พักไวๆ มองเห็นวิวทะเลตั้งแต่สนามบินมาจนถึงรีสอร์ท เห็นวิวบนมุมสูงได้เต็มตา
และยังมีอีก 1 ทางเลือกให้ก็คือ นั่งเครื่องบินภายในประเทศจากสนามบินมาเล มาลงที่สนามบิน เกาะดาราวานดูห์ ใช้เวลาประมาณ 25 นาที หลังจากนั้นก็นั่งเรือต่ออีกประมาณ 10 นาทีเพื่อมุ่งสู่เข้ารีสอร์ท ซึ่งทางเลือกนี้จะราคาถูกกว่านั่ง Seaplane แต่ใช้เวลาเดินทางมากกว่า เหมาะสำหรับคนที่อยากจะชิลล์ๆ
นั่งเรื่อยๆ นั่งมอง นั่งชมบรรยากาศและกลิ่นไอของทะเลมัลดีฟก็เลือกการเดินทางแบบนี้ได้เลย
รีวิวห้องพัก
เมื่อเดินทางมาถึงแล้ว เราก็ต้องมาดูห้องพักกันสักหน่อย โดยห้องพักของรีสอร์ท Dreamland แห่งนี้ มีทั้งหมด 2 ส่วน คือ บีช บังกะโล (Beach Bungalow)
และ วอเตอร์ บังกะโล (Water Bungalow) ทั้ง 2 แบบ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเหมือนกัน แตกต่างกันแค่สถานที่ตั้งแค่นั้นเอง
บีช บังกะโล (Beach Bungalow)
ห้องพักบนชายหาด ซึ่งมีทั้งหมด 60 ห้อง โดยห้องพักประเภทนี้จะหันหน้าไปทางทะเล หน้าห้องมีเตียงนอนนอกชานและกลางแจ้งให้คุณได้นอนชมพระอาทิตย์ หรือ อาบแดดได้สบาย ทั้งนี้เมื่อคุณตื่นขึ้นมาเปิดผ้าม่านจะเห็นชายหาดและท้องทะเลทั้งหมด 360 องศา เตียงภายในห้องเป็นขนาดใหญ่พิเศษ แต่ถ้าคุณต้องการเตียงเสริมทางรีสอร์ทก็มีเตรียมให้แค่แจ้งพนักงานเท่านั้นเอง ในส่วนของห้องน้ำนั้นจะแบ่งสัดส่วนห้องสุขากับห้องอาบน้ำอย่างชัดเจน มีทั้งฝักบัวและอ่างอาบน้ำ แถมอ่างล้างหน้ายังมี 2 อ่าง ซึ่งตกแต่งได้หรูหรามาก ๆ ห้องพักประเภทนี้จะมีฝักบัวกลางแจ้งให้คุณ และมีประตูออกไปข้างนอก เมื่อคุณไปดำน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำอะไรก็แล้วแต่ คุณสามารถเข้าทางประตูนี้ได้เพื่ออาบน้ำชำระร่างกายก่อนที่จะเข้าห้องพัก เพราะบางทีอาจจะมีทรายหรือตัวเปียกหลังจากลับมาจากการทำกิจกรรมนั้นๆ
วอเตอร์ บังกะโล (Water Bungalow)
ห้องพักกลางน้ำมีทั้งหมด 30 ห้อง ภายในห้องก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนกันกับ บีช บังกะโล แต่ได้ฟีลกลางทะเล คุณสามารถนั่งชิลๆ พักผ่อน จิบเครื่องดื่ม และชื่นชมฝูงปลาที่แหวกว่ายไปมาผ่านโต๊ะกระจกที่ใสไปจนถึงใต้ทะเลได้ตั้งแต่อยู่ในห้องพัก ห้องพักประเภทนี้เหมาะสำหรับคู่รัก หรือคู่ฮันนมูน เมื่อตื่นขึ้นมาก็จะได้เห็นท้องฟ้าสีครามสดใสตัดกับน้ำทะเล ถ้าโชคดีก็อาจจะได้เห็นปลาโลมากระโดดผ่านห้องของคุณก็เป็นได้ ระเบียงหลังห้องยังมีบันไดให้คุณลงไปเล่นน้ำกับฝูงปลา ปลาฉลามตัวเล็ก หรือไม่ถ้าโชคดีก็จะได้เจอกับปลากระเบนราหู สะดวกสบายท่ามกลางธรรมชาติจริงๆ
ห้องอาหารภายในรีสอร์ทมัลดีฟส์
ห้องอาหารที่ Dreamland มีทั้งหมด 2 แห่ง คือ Sea View และ Lake View ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะนั่งรับประทานอาหารตรงไหน ถ้าอยากเห็นท้องทะเลสีฟ้าใส ทรายสีขาวละเอียด สามารถเลือกนั่งโซนริมทะเล หรือ เน้นธรรมชาติ เน้นต้นไม้ คุณก็สามารถเลือกนั่งโซนริมสระนอกจากจะอิ่มท้องแล้วยังสบายตา ได้สูดออกซิเจนให้เต็มปอดอีกต่างหาก เชื่อว่ารีสอร์ทแห่งนี้ต้องถูกใจคนรักธรรมชาติที่ชอบทั้งความเขียวขจีของป่า และน้ำสีฟ้าของทะเลอย่างแน่นอน มาพูดถึงเรื่องอาหาร รีสอร์ทแห่งนี้มีอาหาร 4 แบบ ก็คือ
- Half-board รวมอาหารเช้าและเย็น แต่ไม่มีแอลกอฮอล์
- Text BoxFull-board รวมอาหารเช้า กลางวันและเย็น แต่ไม่มีแอลกอฮอล์
- Half-board plus รวมอาหารเช้าและเย็น และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่รวมพรีเมี่ยม
- All-inclusive รวมอาหารทุกมื้อและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่รวมพรีเมี่ยม ซึ่งเราแนะนำว่าเลือกแบบ All-Inclusive จะคุ้มค่าที่สุด
มาถึงโซนที่หลายคนที่มาเที่ยวมัลดีฟส์ต้องชอบมากแน่ๆ นั่นก็คือบาร์นั่นเอง ที่ Dreamland มีบาร์อยู่ 2 แห่ง คือ Lake View Bar กับ Beach Bar ก็จะฟีลคล้ายๆ กับห้องอาหาร เพราะเราสามารถเลือกได้เลยว่าจะนั่งชมนกชมไม้ ชมธรรมชาติ หรืออยากจะไปนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินก็ย่อมได้ ในส่วนของ บีช บาร์ นั้น สามารถมองเห็นวิวทะเลได้แบบตรงๆ มีชายหาดที่ขาวสะอาดและใหญ่มากๆ ทำให้คุณดื่มด่ำไปกับการจิบเครื่องดื่มพร้อมดูพระอาทิตย์ตกดิน ฟินอย่าบอกเลยใครเลยล่ะ
กิจกรรมในรีสอร์ทมัลดีฟส์
ที่ Dreamland Maldives มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ต้องกลัวว่าจะเบื่อ จะเป็นกีฬาในร่มหรือกลางแจ้งอย่าง ฟิตเนส โต๊ะฟุตบอลเล็ก โต๊ะปิงปอง จะผ่อนคลายไปกับสปา หรือใครชื่นชอบกีฬาทางน้ำก็มี เช่น พายเรือคายัค เจ็ทสกี บานาน่าโบ๊ท ถ้าอยากจะไปดำน้ำทางรีสอร์ทก็ยังมีศูนย์ดำน้ำ โดยมีผู้เชี่ยวชาญมาจากเยอรมันคอยดูแล
แน่นอนว่ามามัลดีฟทั้งทีต้องไปดำน้ำดูปลากระเบน แบบใกล้ชิดสนิมสนมสักครั้ง ที่ประเทศมัลดีฟส์จะมี "ฤดูกาลชมปลากระเบน" ซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะเจอปลากระเบน คือเดือนพฤษภาคม - พฤศจิกายน ของทุกปี ในช่วงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เพราะช่วงเวลานี้จะมีแพลงก์ตอนและปลาเล็กที่เป็นอาหารของปลากระเบนเป็นจำนวนมาก จึงสามารถดึงดูดพวกปลากระเบนได้หลายร้อยตัว และยังเป็นฤดูตั้งท้องปลากระเบนมีระยะเวลาตั้งท้องระหว่าง 12-13 เดือน ปลากระเบนเป็นปลาที่อ่อนโยน มีสเน่ห์ และไม่มีอันตรายใดๆ ถึงแม้ชื่อและลักษณะภายนอกอาจดูน่ากลัว อีกทั้งลำตัวที่มีขนาดใหญ่ แต่ความจริงแล้วไม่มีพิษมีภัยแต่อย่างใด ถ้าโชคดีเราอาจจะได้เจอแม่ปลากระแบนพร้อมลูกๆของมันแหวกว่ายโชว์ความสวยงามได้ในช่วงเวลานี้
จากรีสอร์ทเดินทางไปยังจุดดำน้ำใช้เวลา 10 นาที ซึ่งไม่ไกลจากที่พักก็อย่างที่บอกตอนต้นว่ารีสอร์ทอยู่ใจกลาง บา อะทอลล์ ทำให้อยู่ไม่ไกลจากอ่าวฮานิฟารูที่ทำกิจกรรมดำน้ำ พอไปถึงจุดดำน้ำโอกาสที่จะเจอปลากรกะเบน 0-100 ตัว แล้วแต่ว่าจะโชคดีแค่ไหน แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอปลากระเบน ใต้ท้องทะเลก็ยังมีปลาที่แหวกว่ายเวียนวน และก็ยังมีปะการังที่สวยงามอยู่ใต้น้ำนั้นอีกด้วย แต่!! สิ่งที่ต้องระวังมากๆ ก็คืออย่าเหยียบปะการัง เพราะอาจจะทำให้ระบบนิเวศภายใต้ท้องทะเลเสียหายได้ เพื่อเป็นการอนุรักษ์และรักษาธรรมชาติไว้ให้ยังคงสวยงาม เพื่อนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ จะได้มารับประสบการณ์ที่สุดแสนจะพิเศษเช่นเดียวกัน
บรรยากาศอันร่มรื่น
รีสอร์ทที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันร่มรื่นของต้นไม้เขียวขจี และมีมุมพักผ่อนหย่อนใจ จะชมวิวทะเลสาบหรือจะชอบชมวิวทะเลก็สามารถสัมผัสได้ทั้งสองประสบการณ์ภายในรีสอร์ทแห่งเดียว
รีวิวรีสอร์ทมัลดีฟส์ ADAARAN MALDIVES
แชร์ บทความนี้
พูดคุย เกี่ยวกับบทความนี้