ส่อง 10 เมืองสวยในโปรตุเกส
โปรตุเกส อีกหนึ่งประเทศน่าเที่ยวทางตอนใต้ของยุโรป ประเทศที่ร่ำรวยทั้งมรดกโลก ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย แตกต่างกันไปในแต่ละเมือง ทั้งภูเขา ชายหาด หรือการเดินเที่ยวชมสถาปัตยกรรมอันสวยงามในเมืองต่างๆ ที่รับรองได้ว่าทุกคนที่มาเยือนจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน
สภาพอากาศที่โปรตุเกสเหมาะแก่การท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ช่วงที่ดีที่สุดที่น่าไปเที่ยวคือช่วงฤดูใบไม้ผลิ ประมาณเดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศเริ่มอุ่น แต่คนจะยังไม่หนาแน่น ราคาโรงแรมก็ไม่แพง ส่วนช่วงเดือนมิถุนายน - สิงหาคมเป็นช่วงที่คึกคักที่สุดของปี หากไปเที่ยวช่วงนี้ก็จะได้ท่องเที่ยวในสภาพอากาศสบายๆ ประมาณ 22 - 26 องศาเซลเซียส นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ แต่หลังจากนั้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงประมาณเดือนกันยายน - ตุลาคม อากาศจะเริ่มเย็นลง
ไม่ว่าจะตัดสินใจได้แล้วหรือยังไม่ได้ว่าจะไปเที่ยวโปรตุเกสช่วงเวลาไหน ลองมาดูสถานที่ท่องเที่ยวในโปรตุเกสก่อนว่ามีเมืองไหนที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจให้เราได้ไปกันบ้างตามไปส่อง 10 เมืองสวยในโปรตุเกสกันเลย รับรองว่าน่าไปทุกเมือง
1. ลิสบอน (Lisbon)
ลิสบอน เมืองหลวงของโปรตุเกส ตั้งอยู่ทิศตะวันตกของประเทศ ริมชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของคาบสมุทรไอบีเรีย การที่ลิสบอนตั้งอยู่ทางใต้ของทวีปยุโรปและติดกับมหาสมุทร จึงได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำกัลฟ์สตรีม ทำให้ลิสบอนเป็นเมืองหลวงที่มีภูมิอากาศอบอุ่นที่สุดในยุโรป เป็นเมืองใหญ่ของยุโรปที่มีเสน่ห์น่าค้นหา มีทั้งชายทะเล ภูเขา และตึกที่มีสถาปัตยกรรมสวยคลาสสิค ที่เที่ยวลิสบอนที่น่าสนใจก็คือ หอคอยบีเล็ม (Belem Tower), อารามเจโรนิโมส์ (Jerónimos Monastery) และ ปราสาทเซนต์จอร์จ (Sao Jorge Castle)
2. ซินตรา (Sintra)
ซินตราเป็นที่รู้จักจากอาคารสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่สร้างตามศิลปะจินตนิยมในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งทำให้เมืองนี้ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี ค.ศ. 1995 ซินตราได้กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ โดยได้ต้อนรับนักทัศนาจรจำนวนมากที่เดินทางมาจากภาคกลางและย่านชานกรุงลิสบอน นอกจากทิวเขาซินตราและอุทยานธรรมชาติซินตรา-กัชไกช์แล้ว ย่านต่างๆ ของเมืองยังเป็นที่ตั้งของปราสาท วัง สถานปฏิบัติธรรม และอาคารต่างๆ ของกษัตริย์และชนชั้นปกครองในสมัยก่อน ซึ่งรวมถึงปราสาทมัวร์ พระราชวังแห่งชาติเปนา และพระราชวังแห่งชาติซินตราด้วย
3. มาเดรา (Madeira)
ชาวโรมันรู้จักเกาะมาเดราในนามหมู่เกาะสีม่วง (Purple Islands) ถูกค้นพบโดยนักเดินเรือชาวโปรตุเกสในต้นปี ค.ศ. 1418 หรือ ปลายปี 1420 หมู่เกาะนี้ถูกพิจารณาว่าเป็นการค้นพบแรกของยุคการสำรวจโดยเฮนรี นักเดินทางชาวโปรตุเกส เกาะสวยที่อยู่ห่างจากผืนดินยุโรปไปประมาณ 1,000 กิโลเมตร เต็มไปด้วยธรรมชาติ ภูเขาเขียวขจี ทะเลสวยๆ ทัศนียภาพโดยรอบที่สวยงาม เรียกได้ว่าเป็นไข่มุกน้ำงามกลางมหาสมุทรแอตแลนติก มีไวน์ขึ้นชื่อเป็นที่โด่งดัง เหมาะกับกิจกรรมแอดเวนเจอร์ ไต่เขา เล่นวินด์เซิร์ฟ
4. ลากอส (Lagos)
ลากอสเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวดังของโปรตุเกส เต็มไปด้วยการผสมผสานของวัฒนธรรมดั้งเดิมกับความสมัยใหม่ที่มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ถือเป็นเอกลักษณ์ของลากอสที่ใครๆ ต่างหลงใหล โดยเฉพาะชายหาดสวยๆ ที่มีอยู่ทั่วเมือง ความสวยงามติดอันดับต้นๆ ของโปรตุเกส เหมาะแก่การเล่นน้ำ นอนอาบแดด หรือดำน้ำดูปะการัง อีกทั้งยังมีความคึกคักในยามค่ำคืน ทำให้ลากอสเป็นเมืองที่สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
5. ซาเกรส (Sagres)
ถัดจากลากอสไปไม่ไกลนักก็จะไปถึง ซาเกรส เมืองริมหน้าผาที่ยื่นออกไปในทะเล เหมาะกับคนที่ชอบไปชื่นชมทะเลสวยๆ ท่ามกลางสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป มาที่นี่จะได้ฟีลลิ่งทั้งสองนี้อยู่ครบ โดยเฉพาะทะเลสีฟ้าครามของแอตแลนติกที่ไม่มีอะไรบดบัง เพราะซาเกรสดูเหมือนจะอยู่สุดขอบของยุโรปแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจก็คือ แหลมเซนต์วินเซนต์ และเรายังสามารถสนุกกับกิจกรรมทางทะเลได้อีก อย่างเช่น เล่นน้ำทะเล นอนอาบแดด หรือจะไปเล่นกระดานโต้คลื่นดูก็ได้
6. ฟารู (Faro)
ฟารูจะไม่ใช่เมืองชายหาดเหมือนอย่างเมืองอื่นที่กล่าวมาข้างต้น แต่กลับมีความน่ารักของตัวเมืองที่เป็นเขตเมืองเก่า และเป็นเมืองท่าที่มีท่าเรือให้เห็นซึ่งห่างออกไปจากตัวเมือง เราจะได้เห็นฟีลเมืองท่าริมทะเลกับเรือสไตล์ยุโรป
7. โปร์ตู (Porto)
โปร์ตู เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโปรตุเกส ที่ได้รับการประกาศว่าเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมของยุโรป ซึ่งเราจะเป็นบ้านเรือนสวยๆ กับวัฒนธรรมที่น่าสนใจได้ที่โปร์ตู อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในการผลิตไวน์แดงชั้นนำของโลก บรรยากาศยามค่ำคืนก็คึกคัก ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้งจัดเต็ม สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองโปร์ตูที่น่าสนใจก็คือ ไปเดินเที่ยวถนน Avenida Dos Aliados เป็นถนนสายประวัติศาสตร์ที่มีอะไรให้ดูมากมาย เที่ยวสะพานโค้ง (Dom Luís I Bridge) หรือจะไปพักผ่อนสงบๆ ที่ร้านหนังสือลิฟราเรีย เลลโล (Livraria Lello)
8. อาวีโร (Aveiro)
อาวีโร เมืองที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเวนิสแห่งโปรตุเกส เนื่องจากเต็มไปด้วยคลอง และยังมีเรือที่คล้ายกับกอนโดลาชื่อว่า Moliceiros เป็นเรือสีสันสดใสเพิ่มชีวิตชีวาให้กับเมือง เราสามารถล่องเรือชมเมืองเห็นตึกสถาปัตยกรรมสีสันสดใสสไตล์อาร์ทๆ และยังเป็นเมืองๆ ที่เราสามารถเดินเล่นชมเมืองได้แบบสบายๆ ยังมีย่านริมทะเลที่มีบ้านเรือนสีสันสะดุดตากับชายหาดสวยๆ น่าถอดรองเท้าเดินเล่น อาวีโรยังโดดเด่นในเรื่องการผลิตชามสุดละเมียดละไม ที่ยังคงทำเครื่องถ้วยชามให้กับราชสำนักต่างๆ รวมไปถึงบุคคลสำคัญทั่วโลก
9. บราก้า (Braga)
บราก้า เมืองใหญ่อันดับสามของโปรตุเกส และมีความน่าเที่ยวไม่ต่างจากเมืองอื่นๆ เลย เมืองเก่าแก่ของโปรตุเกส เป็นเมืองการค้าที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยโรมันและยังเป็นศูนย์กลางของศาสนจักรมาตั้งแต่โบราณ อีกทั้งด้วยความที่บราก้าตั้งอยู่ในเนินเขาเล็กๆ ทำให้มองเห็นตึกที่มีสถาปัตยกรรมสวยๆ ตัดกับธรรมชาติสีเขียวดูสบายตา สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือ Bom Jesus do Mont, วิหาร Sao Frutuoso Chapel, สวน Garden of Santa Barbara และ พระราชวัง Archbishop’s Palace เป็นต้น
10. โคอิมบรา (Coimbra)
โคอิมบรา อีกหนึ่งเมืองที่สาคัญของโปรตุเกส และถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางด้านศิลปะที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือแม่น้ำมอนเดโก เมืองที่มีศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบโปรตุเกสแท้ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้น รวมไปถึงอาคารต่างๆ ภายในตัวเมือง โดยเฉพาะที่ถนนคนเดินเฟอร์เรยรา บอร์เกส (Rua Ferreira Borges) เราสามารถเดินชมเมืองเก่าไปตลอดทาง พร้อมทั้งช้อปปิ้งได้แบบเพลินๆ แวะชม โบสถ์เก่า (Se Velha) และโบสถ์ใหม่ (Se Nova) ที่ยิ่งใหญ่อลังการ ดูแข็งแรงและคลาสสิคในเวลาเดียวกัน เข้าไปชมความงามของมหาวิทยาลัยโคอิมบรา (University of Coimbra) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา มองเห็นแม่น้ำมอนเดโก (Mondego River)ได้ชัดเจน นอกจากนี้เรายังสามารถเดินเล่นริมทะเลหรือสวนสวยที่มีอยู่ทั่วเมือง
10 เมืองสวยในโปรตุเกสที่เลือกกันไม่ถูกเลยว่าจะเริ่มต้นเที่ยวเมืองไหนก่อน ไม่ว่าจะเป็นเมืองเก่า เมืองชายทะเล แต่ละที่ล้วนมีเสน่ห์ไปซะทุกที่ แบบนี้ต้องหาโอกาสไปท่องโปรตุเกสดูสักครั้ง
EUROPEAN SAFEST DESTINATIONS 2020 สถานที่เที่ยวยุโรปที่ปลอดภัยที่สุดหลังยุคโควิด
แชร์ บทความนี้
พูดคุย เกี่ยวกับบทความนี้