ไปมาเก๊า ตะลุยชมเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวน่าไป
มาเก๊า เมืองเล็กๆ ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ซึ่งในอดีตเป็นเพียงหมู่บ้านเกษตรกรรมและประมงเล็กๆ จนมาถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 16 ชาวโปรตุเกสได้เดินเรือเข้ามาเพื่อติดต่อค้าขายกับชาวจีน และมาสร้างอาณานิคมอยู่ในแถบนี้ จึงได้นำเอาสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของชาติตะวันตกเข้ามา ทำให้มาเก๊ากลายเป็นเมืองที่มีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตกได้อย่างลงตัว
ไปมาเก๊า ชมวัดอาม่า

วัดอาม่า (A-Ma Temple ) หรือศาลเจ้าแม่ทับทิม ทีสร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายให้กับอาม่า องค์เทพธิดาแห่งท้องทะเลที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพของชาวมาเก๊า เมื่อเดินเข้ามาจะพบกับก้อนหินขนาดใหญ่ซึ่งแกะสลักเป็นรูปเรือสำเภาโบราณ เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าบริเวณนี้คือจุดแรก ที่เจ้าแม่อาม่าย่างเท้าก้าวขึ้นสู่ผืนแผ่นดินมาเก๊า ตรงหัวบันไดประตูทางเข้าวัดอาม่าจะมีรูปปั้นสิงโตหินอยู่ด้วยกัน 2 ตัว เชื่อกันว่า เมื่อหมุนลูกแก้วที่อยู่ในปากสิงโตไปทางขวา 3 ครั้ง แล้วอธิษฐานขอสิ่งใด ก็จะได้สิ่งนั้นตามปรารถนา มีอ่างน้ำมนต์ที่สำหรับให้พรมน้ำมนต์ หากใครที่ไปมาเก๊า แล้วอยากจะทำบุญ ก็ให้ใส่แบงก์หรือเหรียญลงไปในอ่างน้ำมนต์ได้เลย เข้าไปด้านในมองเห็นเป็นเส้นขดๆ รูปทรงเจดีย์แขวนอยู่บนเพดาน คือธูปที่คนนำไปบูชา ว่ากันว่าธูปยิ่งยาวก็จะยิ่งโชคดี
ตามตำนานเล่าว่า อาม่า เป็นหญิงสาวชาวฟูเจียนชื่อ หลิงม่า วันหนึ่งนึกอยากจะข้ามฝั่งมาที่คาบสมุทรเอ้าเหมิน เธอจึงขอโดยสารมากับเรือเล็กๆ ของชายชราชาวประมง แต่พอเรือมาถึงกลางทะเลก็เกิดพายุใหญ่ทำให้เรือหลายลำจมลง แต่เรือของหลิงม่าก็มาถึงฝั่งได้อย่างปาฏิหาริย์ เมื่อเธอก้าวเท้าเหยียบฝั่ง เธอก็ตัวลอยขึ้นและหายลับไปในฟากฟ้า ชาวประมงทั้งหลายก็เลยเชื่อว่าเธอคือเทพธิดาแห่งท้องทะเล เลยเรียกดินแดนตรงนี้ว่า A-Ma Goa หมายถึง อ่าวของอาม่า นานๆ เข้าเสียงก็เปลี่ยนไปเป็น มาเก๊า
โบสถ์เซนต์ปอล

ซากโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’s) ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองมาเก๊า อยู่ในเขตมรดกโลก มีประวัติความเป็นมายาวนานและมีเรื่องราวเกี่ยวข้องที่น่าสนใจ ที่นักท่องเที่ยวเมื่อไปมาเก๊าก็ต้องแวะมาเยี่ยมชมความงดงามของสถาปัตยกรรมโบราณแห่งนี้ โบสถ์เซนต์ปอล ได้ถูกออกแบบขึ้นมาโดยพระนิกายเยซูอิตชาวอิตาเลียนโดยความช่วยเหลือของคริสเตียนชาวญี่ปุ่น เป็นโบสถ์คาทอลิกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเวลานั้น ต่อมาเกิดไฟใหม้ตั้งแต่ในห้องครัว และลุกลามรุนแรงจนตัวอาคารโบสถ์พังทลายหมด คงเหลือไว้แต่เพียงด้านหน้าของตึก และส่วนของบันไดทางขึ้นเท่านั้น จนต่อมาได้มีการบูรณะซ่อมแซม และจัดสร้างบริเวณด้านหลังของซากประตูโบสถ์ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศาสนา ไว้ให้นักท่องเที่ยวที่ไปมาเก๊าได้เข้าชม ทางซ้ายมือเป็นหลุมศพของพวกบาทหลวง และอีกด้านหนึ่งเป็นสวนสาธารณะ เป็นสถานที่ที่มีความสวยงาม เป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ชิ้นหนึ่งซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสเสน่ห์ความเป็นยุโรปท่ามกลางบรรยากาศเอเชียได้เป็นอย่างดี
เซนาโด้สแควร์

ไม่ไกลกันนักกับโบสถ์เซนต์ปอล จะได้พบกับย่านเซนาโด้สแควร์ (Senado Square) จตุรัสสไตล์ยุโรป ที่ชาวโปรตุเกสปูกระเบื้องโมเสกลายขาวตัดดำเป็นรูปคลื่น รายล้อมด้วยตึกสไตล์นีโอคลาสิคเก่าแก่กว่า 400 ปี กลายเป็นสัญลักษณ์สองวัฒนธรรม และยังได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในมรดกโลกของยูเนสโก้ ในฐานะศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของมาเก๊า ปัจจุบันได้กลายเป็นลานจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวต่างพากันไปมาเก๊าเพื่อชื่นชมความงดงามสไตล์ยุโรป และช้อปปิ้งไปตามร้านค้าที่เรียงรายอยู่ตลอดสองข้างทาง และต้องไม่พลาดชิมขนมทาร์ตไข่ ขนมพื้นเมืองของมาเก๊า
เดอะ เวเนเชียน รีสอร์ท

เดอะ เวเนเชียน รีสอร์ท (The Venetian Macau Resort-Hotel) หลายคนมักเรียกว่าเวเนเชี่ยนฮ่องกง แต่จริงๆ ตั้งอยู่ในมาเก๊า เป็นชื่อโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ที่ทำให้หลายต่อหลายคนอยากไปมาเก๊าเพื่อสัมผัสกับความยิ่งใหญ่อลังการ ที่ประดับตกแต่งด้วยพื้นหินอ่อน และเพดานโค้งที่มีภาพวาดอันงดงาม ภายในมีห้องพักรับรองหลายพันห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการระดับเฟิร์สคลาส เป็นศูนย์กลางความบันเทิงที่มีทั้งคาสิโนขนาดใหญ่ ภัตตาคาร ห้างร้านแบรนด์เนมต่างๆ ให้ช้อปปิ้งกันอย่างจุใจ และจุดสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมเดอะเวเนเชียนแห่งนี้ก็คือ การจำลองสถานที่เป็นแบบเวนิส ที่มีทั้งตึกโดยรอบ มีคลองอยู่ตรงกลาง ที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือกอนโดลาเพื่อชื่นชมความงามได้โดยรอบ และที่แห่งนี้ยังเป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงามไม่แพ้เวนิสต้นฉบับเลยทีเดียว
มาเก๊ามีดี มากกว่าคาสิโน
แชร์ บทความนี้
พูดคุย เกี่ยวกับบทความนี้