ตามรอยเส้นทางสามก๊ก ท่องเมืองแห่งศาสตร์ฮวงจุ้ย
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ สามก๊ก บูเช็คเทียน หรือแม้แต่หนังจีนย้อนยุคต่างๆ ที่พูดถึงเรื่อง ฮวงจุ้ย วันนี้ WonderfulPackage จะนำทุกท่านไปชมทั้ง 3 เรื่องราวบนเส้นทางที่เราจะพาไปกัน มาตามรอยเส้นทางสามก๊ก ท่องเมืองแห่งศาสตร์ฮวงจุ้ยกันเถอะ
กำเนิดเรื่องราว สามก๊ก จากเมืองเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลเสฉวน และมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 4,000 ปี หากใครเคยไปเยี่ยมชมเมืองเฉิงตูมาแล้วคงจะเคยเห็นศาลเจ้า 3 ก๊ก กันแล้วล่ะ แต่นอกจากนี้ ยังมีที่ไหนน่าสนใจอีกบ้างมาดูกันเลย
วัดพระนางบูเช็คเทียน และ ผาพระพุทธรูป 1,000 องค์
ออกเดินทางจากเมืองเฉิงตู ไปยังก่วงหยวน นั่งรถบัสไปประมาณ 3-4 ชั่วโมงก็จะพบกับ วัดพระนางบูเข็คเทียน เดิมทีชื่อว่า วัดหวงเจ๋อซื่อ ซึ่งเป็นวัดประจำองค์จักพรรดินีพระนางบูเช็คเทียน ภายในวัดเป็นที่ตั้งของรูปจำลองพระนางบูเช็คเทียน และบรรดาเหล่าขุนนางต่างๆ ในยุคสมัยนั้น

ด้านหลังของวัด จะติดกับภูเขา ที่มีถ้ำและผาแกะสลักพระพุทธรูปปางค์ต่างที่งดงาม ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีความสมบูรณ์ โดยมีการบูรณะและอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ระหว่างนั้น เราได้ฟังเรื่องราวของพระนางบูเช็คเทียน ได้ถูกถ่ายทอดผ่านไกด์ท้องถิ่นที่พูดภาษาไทย ชวนให้นึกไปถึงประวัติศาสตร์ในสมัยนั้น

ออกเดินทางไปอีกแค่ 10 นาที ก็ถึง ผาพระพุทธรูป 1,000 องค์ ที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ด้านหน้าติดกับแม่น้ำเจียหลิงเจียง ด้านหลังเป็นภูเขา ตรงทางเข้าจะเป็นสวนสาธารณะในรูปแบบจีนโบราณอยู่ติดริมแม่น้ำ อากาศร่มรื่นเย็นสบาย ยิ่งในตอนเข้าตรู่อากาศสดชื่นมาก เห็นละอองหมอกจางๆ โรแมนติกน่าดู

เดินผ่านความร่มรื่นเมื่อครู่ ไปยังเส้นทางวัวทอง ซึ่งในอดีตใช้เป็นเส้นทางเกวียนขนส่งสินค้า จำพวกอาหาร เสื้อผ้าอาภรณ์ และเครื่องหนังต่างๆ ในยุคสมัยสามก๊ก จึงทำให้ถนนเส้นนี้มีร่องรอยล้อเกวียนมาจนถึงปัจจุบัน

เดินมาเรื่อยๆ ผ่านถนนวัวทองไปสักระยะหนึ่งก็เริ่มพบเห็นพระพุทธรูปหินแกะสลักตามหน้าผา ที่เรียงรายอยู่นับ 1,000 องค์ ซึ่งน่าเสียดายที่หลงเหลือความสมบูรณ์ให้เห็นไม่มากนัก ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากธรรมชาติ และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากการทำลายในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมของจีน

ผาพระพุทธรูปไม่เพียงแต่มีอยู่ทางด้านล่าง ยังมีทางบันไดให้ปีนขึ้นไปด้านบนอีกด้วย ทางค่อนข้างชันแต่เมื่อขึ้นไปถึงแล้วหายเหนื่อยเลย เพราะนอกจากได้เห็นวิวบริเวณแม่น้ำด้านหน้าที่สวยงามแล้ว ยังได้พบกับถ้ำพระพุทธรูปที่องค์ใหญ่และสมบูรณ์อีกด้วย

วันที่ 2 ของการเดินทาง มุ่งสู่ด่านเจียนเหมินกวน
เมื่อเติมพลังกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางไปยังสถานที่แห่งแรกตั้งตาคอย ที่เป็นไฮไลท์แรกของทริปนี้นั่นก็คือ ด่านเจียนเหมินกวน เป็นเส้นทางเก่าแก่ ที่มีประวัติยาวนานกว่า 4,000 ปี และเป็นเส้นทางเพียงหนึ่งเดียวที่เชื่อมต่อมณฑลเสฉวน และมณฑลซานซี ด้วยภูมิประเทศที่มีเทือกเขาล้อมรอบอย่างหนาแน่น จึงถือได้ว่าบริเวณนี้ เป็นชัยภูมิทางยุทธศาสตร์ที่ดี จึงได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการ ณ สถานที่แห่งนี้ ตัวด่านตั้งอยู่กลางช่องเขา มีทางน้ำไหลผ่าน ฝั่งตรงข้ามมีทิวเขายาวลงไป ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็นข้าศึกได้แต่ไกล
นั่งกระเช้าขึ้นไปและต่อด้วยรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อเดินขึ้นไปบนด่าน ชื่นชม 2 ฟากฝั่งไปพลางๆ ร่มรื่นมากซะจนไม่รู้สึกเหนื่อย ประกอบกับอากาศที่สดชื่น ทำเอาอยากนอนตากลมเย็นๆ อากาศดีๆ อยู่บนเขานั้นแหละ และแล้วเราก็มาถึงจุดชมภาพยนตร์ 4 มิติ ซึ่งจำลองฉากและเหตุการณ์ทางประวัติศาสร์ ณ บริเวณด่านเจียนเหมินกวนในอดีตให้เราได้ชมกัน

หลังจากที่กำลังอินกับประวัติศาสตร์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง ด่านเจียนเหมินกวน เพื่อชมความยิ่งใหญ่ของตำนาน สามก๊ก มองเห็นป้อมปราการอยู่ไกลๆ ยิ่งทำให้เรามีแรงเร่งฝีเท้าเพื่อไปยังจุดหมายโดยเร็ว
หลังจากผ่านจุดที่ด่านเจียนเหมินกวนไปแล้ว ก็จะได้พบกับรูปบั้นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์สามก๊ก ทั้งเล่าปี่ ขงเบ้ง และกวนอู ตั้งเรียงรายกัน รอให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปถ่ายรูปและศึกษาประวัติกับบุคคลเหล่านี้

เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากับการเดินทางไกล ก็ได้เวลาเติมพลังกับอาหารมื้อพิเศษที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้คือ เต้าหู้เจี้ยนเหมิน เป็นอาหารที่ทำจากเต้าหู้ หลากหลายกว่า 100 ชนิด ครบทุกรสชาติ มีให้เลือกทานตามความชอบ ซึงหากมาถึงด่านเจี้ยนเหมินแล้ว ถ้าไม่ได้ทานเต้าหู้ที่นี้ก็แสดงว่าไม่ได้มาเยือนเส้นทางสามก๊ก มาดูกันเลยว่าหน้าตาของเต้าหู้เจี้นเหมินเป็นยังไง น่ากินหรือเปล่า

เติมพลังกันอิ่มหนำสำราญแล้ว เราก็ออกเดินทางไปชม ต้นไม้เตียวหุย 1000 ปี ตามตำนานเล่ากันว่าเป็นต้นไม้ในสมัยสามก๊กที่เตียวหุยเป็นผู้ปลูกไว้ในตอนตั้งค่ายทำศึกกับศัตรู ต้นไม้นี้มีอายุนับพันปี ซึ่งยังคงมีสภาพที่สมบูรณ์มาถึงปัจจุบันนี้ อยากรู้ว่าใหญ่ขนาดไหนนั้น ลองหลับตานึกถึงผู้ใหญ่ 7-8 คนโอบ แล้วจะรู้ว่ามันใหญ่สมชื่อ สมอายุจริงๆ ด้านหน้าทางเข้ามองเห็นมาสคอตของเตียวหุยยืนอยู่ด้านหน้า คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวให้ยืนถ่ายรูปกันไปเป็นที่ระลึก พร้อมบรรยากาศที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่รายล้อม จึงทำให้รู้สึกว่ามาทริปนี้เพื่อฟอกปอดให้บริสุทธิ์จริงๆ

อีกสถานที่หนึ่งที่ที่เราจะไปเยื่อนกันนั่นก็คือ เมืองโบราณจาวฮว่า เมือไปถึงก็มี รำโชว์แบบโบราณ ที่มาคอยต้อนรับเราเป็นอย่างดี เมืองโบราณแห่งนี้ สร้างมานานกว่า 4,000 ปี และมีการจัดตั้งเป็นอำเภอ ในสมัย ก๊ก ฉิน ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่เมืองแห่งนี้สืบเชื้อสายกันมา และอยู่มาอย่างต่อเนื่องนับพันปีจนถึงทุกวันนี้

นอกจากจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบจีนโบราณในเมืองแห่งนี้แล้ว ทั้งสองข้างทางยังเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ต่างๆ มากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองที่ระลึก หรือทานอาหาร ขนมโบราณต่างๆ ที่หาทานได้ยาก สถานที่อื่นๆ ก็ยังมีโบราณสถานต่างๆ เช่น ที่ว่าการตำบล สถานที่สอบจองหงวนขั้นต้น กำแพงเมือง สถานที่ที่ “เตียวหุย” จุดคบเพลิงรบ เป็นต้น ซึ่งวันนี้ถือว่าโชคดีมากที่ได้ชมโชว์การรบของ 3 ขุนศึก เล่าปี่ กวนอู และ เตียวหุย อย่างตื่นตาตื่นใจ เป็นของแถมก่อนที่จะเดินทางกลับที่พักกันอีกด้วย

รีวิวเฉิงตู ฉบับละเอียดยิบที่อ่านแล้วเหมือนได้ไปเอง
แชร์ บทความนี้
พูดคุย เกี่ยวกับบทความนี้