ทริปสโลว์ไลฟ์ที่ไต้หวัน Part1 ไปจิบไวน์ ชมธรรมชาติ อี๋หลาน
เปิดมุมมองใหม่ไต้หวัน ออกไปสูดอากาศสดชื่นนน นอกไทเปกันบ้างดีกว่า เราจะพาออกนอกเมืองไปที่ อี๋หลาน กันจ้า เมืองนี้มีความน่ารัก แต่ก็แอบชิคๆ คูลๆ กับเค้าอยู่เหมือนกัน ก่อนจะกลับมาเที่ยวต่อที่ไทเป ไปค่ะ เกาะปีกเครื่องบินตามมาเลย

Day1: บินไปกับพี่เสือ Tigerair Taiwan
เริ่มออกเดินทางกันเลย เรามีนัดกับสายการบิน Tigerair Taiwan ที่สนามบินดอนเมือง (ใครอย่าเผลอไปสุวรรณภูมิล่ะ) เราไปไฟลท์เย็น บินสองทุ่ม ถึงก็ประมาณเที่ยงคืนกว่า กะว่าไปถึงโน่นก็เข้าโรงแรมหลับได้เลยยันเช้า จะได้มีแรงเที่ยวแบบเฟรชๆ

เดินทางไฟลท์นี้มันก็จะหิวหน่อยๆ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะรอบนี้เราได้ซื้อ voucher Miracle Lounge


ไปนั่งกินอะไรรองท้องได้ จะเป็นอาหาร ขนม เครื่องดื่ม มีมาเติมเรื่อยๆ ใครมาถึงสนามบินเร็วก็นั่งเล่น จะนวดก็ยังได้ เป็นอีกมุมพักผ่อนก่อนเดินทาง





หรือใครไม่อยากนั่งเลาน์ ก็สั่งอาหารบนเครื่องได้นะ วันนี้จัดเมนูนี้ไป อร่อยใช้ได้ แพคเกจน่ารักกุ๊กกิ๊ก ความมีดีเทลนั้น ทำให้เห็นว่าถึงจะเป็นโลว์คอสแต่ก็ใส่ใจทุกรายละเอียด ใครสั่งอาหารอย่าลืมเอา boarding pass มาโชว์ด้วย เค้าจะขอเช็คดูก่อนเสิร์ฟจ้า




ราคาก็จะประมาณนี้

ในส่วนของที่นั่งนั้น เป็นแบบ 3-3 นั่งสบายๆ ไม่อึดอัดจนเกินไป กินเสร็จก็หลับต่อยาวๆ เลยจ้า

วันนี้พักที่นี่นะ Six Star Motel เข้าไปแล้วว้าววเลยล่ะ มันก็จะสไตล์โมเดิร์นๆ หน่อย เฟอร์นิเจอร์สีขาว ยิ่งทำให้ดีต่อใจ




มี welcome card ด้วยนะ เรียกว่าใส่ใจแม้รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ

ห้องกว้างนอนสบาย แบ่งโซนอาบน้ำกับห้องน้ำไว้ชัดเจน ใครอยากจะนอนแช่อ่างก็ได้นะจ๊ะ ของในห้องน้ำจัดเต็มแบบที่มาพักได้ทั้งครอบครัว

ภายใต้ลิ้นชักนี้ มีของใช้จำเป็นอยู่ครบ ไม่ต้องขนมาให้หนัก

ห้องอาหารน่ารัก ดูสบายๆ อาหารก็หน้าตาดูดีเลยล่ะ





Day2: สโลว์ไลฟ์ที่ อี๋หลาน
ได้เวลาเที่ยวแล้วสิ อี๋หลาน บ้านเมืองเค้าน่ารัก มีมุมธรรมชาติและมุมสงบ เหมาะสำหรับเที่ยวแบบไม่ต้องหมุนตามเวลาแบบเร่งรีบ ปล่อยชีวิตให้เดินไปช้าๆ ซึ่งก็ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไต้หวัน เยื้องๆ กับไทเป ห่างกันแค่นิดเดียว การเดินทางจึงไม่ได้ยากเย็นอะไร เที่ยวได้สบายๆ ก็เลยอยากจะชวนออกไปนอกเมืองไทเปกันบ้าง
ไปเดินชิลล์ ชมธรรมชาติที่ Shang Yeng พอมาถึงที่นี่เราก็สัมผัสได้ถึงธรรมชาติรอบตัว เค้ามีการปลูกต้นไม้ สมุนไพร ไม้น้ำ ไม้ประดับ หลากหลายชนิดมากๆ ต้นไม้เหล่านี้ต่างก็ใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างลงตัว สดชื่นมาก



ตรงจุดนี้เป็นจุดไฮไลท์ของที่นี่เลย เพราะมีซีรีย์และภาพยนตร์หลายเรื่องมาถ่ายทำกันตรงนี้ ก็บรรยากาศดีซะขนาดนี้นี่เนอะ




มีมุมของฝากของที่ระลึกแบบน่ารักเก๋ๆ อย่างอันนี้ก็เป็นปากกาทำจากไม้แฮนด์เมด เรียกได้ว่า ปากกาในมือเรา คือหนึ่งเดียวในโลก


ตรงนี้ก็เป็นพวกต้นไม้เล็กๆ น่ารักมาก เห็นแล้วอยากจะขนกลับบ้านจังเลย




ใครเดินเล่นจนหิว อยากจะชวนมาชิมอาหารที่นี่ ร้าน Bajia Sweetfish Fishery คือมันมีความสดใหม่มากๆ ของกุ้งหอยปูปลา เค้าเลี้ยงปลาเองด้วยนะ เพราะฉะนั้นความสดใหม่ไม่ต้องพูดถึง อาหารอร่อยอย่าบอกใคร อาหารเค้าเสิร์ฟเป็นเซ็ท เสิร์ฟกันจนอิ่ม เห็นเยอะๆ แบบนี้ รู้ราคาแล้วต้องร้องว้าว ประมาณคนละ 500-600 NT ก็ไม่เกินหกร้อยบาทเอง ถือว่าคุ้มมากๆที่ไต้หวัน





รวมไปถึงบรรยากาศโดยรอบ ท่ามกลางธรรมชาติ ยิ่งถ้าเป็นช่วงเย็นนะ โรแมนติกสุดๆ ร้านนี้เป็นร้านเด็ด คู่รักเค้าชอบมาดินเนอร์ใต้แสงเทียนกันที่นี่แหละ



อิ่มแล้ว ไปชิลกันต่อดีกว่า แวะถ่ายรูปชิคๆ คูลๆ Jimmy Park หลายคนอาจจะเคยได้ยิน "ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวา" หนึ่งในธีมตัวการ์ตูนจากศิลปิน Jimmy Liao ศิลปินชื่อดังของไต้หวัน


บรรยากาศก็ร่มรื่น เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ และยังมีตัวละครน่ารักๆ ให้แชะภาพอีกเพียบ





สายอาร์ทห้ามพลาด National Center of Traditional Arts เห็นตึกอิฐแดงเรียงรายแบบนี้ มันช่างดีต่อใจซะจริงๆ



เค้าจำลองเป็นถนนโบราณตลอดทั้งสาย เดินเข้าไปก็เห็นที่ให้นั่งชมการแสดง และที่นี่ยังมีวัดที่เก่าแก่อยู่ในนี้ด้วย ก่อนจะเดินเล่น อย่าลืมแวะเข้าไปไหว้ขอพรกันสักหน่อย

ตึกสไตล์โบราณ มีร้านค้าเรียงราย เดินเล่นไปเรื่อยๆ ก็จะมีทั้งขนมของกินโบราณแบบหายาก ของฝากแบบไต้หวันแท้ๆ แต่ละร้านก็มีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำกัน






ลานน้ำพุ นี่เป็นอีกมุมไฮไลท์ ใครพาเด็กๆ ไปรับรองต้องชอบ เพราะจะมีช่วงที่เปิดให้ลานนี้เหมือนเข้ามาอยู่ในเมฆหมอก แบบไม่ต้องขึ้นเขาก็ฟินได้ เข้าไปวิ่งเล่นนี่สัมผัสได้ถึงละอองน้ำเลย

ที่นี่มีที่พักด้วยนะ สำหรับใครที่อยากจะมาพักกินบรรยากาศ ไม่อยากกลับไว ก็นอนพักที่นี่ได้ เค้ามีห้องพักเค้าพิเศษตรงที่ออกแบบมาจากการสร้างตึกแบบดั้งเดิมที่หาคนทำยากแล้ว ถึงข้างนอกจะดูโบราณแต่ภายในก็ทันสมัย ความสะดวกสบายครบ มาพักกันทั้งครอบครัวยังได้ แล้วยังมีโอกาสได้เดินเล่นในช่วงที่คนอื่นเค้ากลับกันหมดแล้ว ได้ภาพสวยๆ แบบไม่ติดภาพชาวบ้านเค้าด้วยล่ะ




สายดริงค์ห้ามพลาด มาถึงอี๋หลานทั้งที นอกจากเค้าจะมีธรรมชาติสวยๆ ให้เราได้ดื่มด่ำแล้ว เรื่องไวน์และวิสกี้ก็ยังไม่เป็นสองรองใคร ที่นี่ Kavalan Whisky เป็นแหล่งกำเนิดวิสกี้อันดับหนึ่งของไต้หวัน ที่ผ่านการคัดเลือกวัตถุดิบชั้นดี หมักบ่มอย่างดี จนได้รับรางวัล "ผู้ผลิตวิสกี้ระดับโลกแห่งปี"




ที่ซึ่งเราจะได้เห็นการขั้นตอนกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นจนจบ ปิดท้ายด้วยการชิมวิสกี้ชั้นดี ถูกใจใครก็ซื้อติดไม้ติดมือไปได้นะ



ที่นี่เค้ามีฟาร์มปลูกผลไม้หลายชนิด ก่อนที่จะกลายมาเป็นไวน์รสเลิศมาให้เราได้ชิมกัน โดยผลผลิตมาจาก Toucheng Leisure Farm ในฟาร์มมีบรรยากาศดีมากๆ แล้วมา drink drank drunk กันต่อ Can Jiu Winery กับดินเนอร์มื้อจัดเต็มเสิร์ฟพร้อมไวน์รสชาติเยี่ยม


เมนู Recommend นี่เลย ขนมปังก้อนยักษ์ แต่มันไม่ธรรมดาตรงที่ ภายในก้อนกลมๆ นั้นมีไก่อยู่ทั้งตัว หลังจากเค้าหั่นขนมปังออก ก็จะเอาส่วนนี้จิ้มกับเครื่องจิ้มเป็นของกินเล่นได้ ส่วนไก่ในนั้น ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ พร้อมเสิร์ฟ และน้ำซุปกลมกล่อม

ยังมีอีกหลายเมนู นาทีนี้ขอกินก่อนล่ะ


ปิดท้ายค่ำคืนนี้ที่ Just Sleep Hotel คือโรงแรมนี้มีหลายสาขามาก และที่เราพักอยู่นี้เป็นสาขา Jiaoxi

มีกิมมิคน่ารักๆ คือออนเซ็นในห้องส่วนตัว ห้องเค้าก็จัดแบบน่ารัก ได้กลิ่นอายญี่ปุ่นหน่อยๆ แช่ออนเซ็นแล้วหลับสบายพร้อมเที่ยวต่อพรุ่งนี้



โรงแรมนี้เราว่าจัดพื้นที่ใช้สอย และตกแต่งได้น่ารักทุกมุม ทั้งโซนอาหารเช้า มุมนั่งเล่น สระออนเซ็นเป็ดน้อยน่ารัก แถมของตกแต่งกระจุกกระจิก เอาใจสายแชะมากๆ เรียกได้ว่าสามารถถ่ายรูปเก๋ๆ เก้บไว้ได้ทุกมุม






แชร์ บทความนี้
พูดคุย เกี่ยวกับบทความนี้