ฮัลล์สตัท เมืองฟ้าจรดน้ำริมทะเลสาบสีน้ำเงิน
ฮัลล์สตัท ถือเป็นเขตชุมชนโบราณของพวก เคลติก (Celtic) ชนพื้นเมืองเก่าแก่ของภูมิภาคยุโรป ในบรรดาเมืองริมทะเลสาบทั่วทวีปยุโรป
ซึ่งได้ชื่อว่าสวยงามและเก่าแก่มีอยู่หลายแห่งด้วยกัน ทว่าเมืองที่โด่งดังที่สุด จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของยูเนสโก้ เมื่อปี ค.ศ. 1997 ก็คือ เมืองฮัลล์สตัท (Hallstatt) ในตอนกลางของ ประเทศออสเตรีย

จุดเด่นที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยของเมืองริมทะเลสาบสีน้ำเงินนี้ก็คือ เทือกเขาหิมะสูงตระหง่านล้อมรอบทะเลสาบสีฟ้าใสเอาไว้อย่างสนิทแนบ โดยมีเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ทางฟากตะวันตกของ ทะเลสาบฮัลล์สตัทเทอร์ (Hallstatter See) โดยคำว่า See ในภาษาออสเตรียก็หมายถึง ทะเลสาบ นั่นเอง ตัวเมืองเก่าแก่มีสถาปัตยกรรมยุโรปยุคโบราณ โบสถ์ยอดแหลมแบบโกธิกพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า ทั้งหมดสะท้อนลงเป็นภาพเสมือนจริง ในทะเลสาบนิ่งสงบอย่างลงตัว มีป่าสนแน่นขนัดอยู่ตามลาดไหล่เขาข้างๆ อีกทั้งบรรยากาศก็สงบเงียบ เนิบช้าปราศจากแสงสีและความอึกทึกใดๆ อดีตเมืองนี้เข้าถึงได้ด้วยเรือเท่านั้น เพิ่งมีการสร้างถนนเข้าไปถึงเมื่อปี ค.ศ. 1890 จากทางฟากตะวันตกของทะเลสาบนั้นเองส่วนทุกวันนี้ถ้าใครนั่งรถไฟ สถานีก็ยังอยู่ที่อีกฝั่งของเมืองต้องลงเรอต่อเข้าไปอยู่ดี

ฮัลล์สตัท มีชนพื้นเมืองเก่าแก่ของภูมิภาคยุโรป โดยมีการขุดค้นพบหลุมศพ เครื่องไม้เครื่องมือ เสื้อผ้า และร่องรอยของการอยู่อาศัย ย้อนเวลาไปได้ถึง 800-450 ปีก่อนคริสตกาล อันเป็นยุคที่นักโบราณคดีเรียกว่า ต้นยุคเหล็ก (Early lron Age) ซึ่งมนุษย์เริ่มสามารถนำแร่เหล็กในธรรมชาติมาแปรรูป สร้างสรรค์เครื่องทุ่นแรงในชีวิตได้แล้ว ทว่าสิ่งที่ช่วยให้ฮัลล์สตัทเติบโตแบบกว้าวกระโดดจนกลายเป็นขุมทางค้าขายในตอนกลายของออสเตรียได้ก็คือ การค้นพบ เกลือภูเขา จนเกิบเหมืองเกลือขนาดใหญ่มีการค้าขายแลกเปลี่ยนกับชุมชนโดยรอบ ถึงขนาดมีการสร้างท่อส่งเกลือด้วยไม้ซุงขุดให้ภายในกลวง นำมาต่อกันคล้ายท่อส่งน้ำโบราณอายุกว่า 400 ปี โดยใช้ไม้ซุงชุดกลวงเรียงต่อกันมากถึง 13,000 ต้น! เลยล่ะ กาลล่วงถึงปัจจุบัน การที่ฮัลล์สตัทเป็นเมืองในโอบล้อมขุนเขาเข้าถึงได้ยากด้วยถนน เมื่อนี้ถึงถูกแช่แข็งไว้ในกาลเวลาโดยปริยาย กลายเป็นผลดี เพราะยังคงบรรยากาศของอดีตไว้ครบถ้วน โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมบ้านเรือนที่สร้างลดหลั่นอยู่ตามไหล่เขา และบ้านเรือนลอยน้ำริมทะเลสาบที่หลายบ้านมีอยู่จอดเรือเป็นส่วนตัว ดูไปดูมา คล้ายชุมชนเรือนแพของบ้านเรากลายๆ

แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบเดินทางร่วมกันกับผู้อื่นเราขอแนะนำประสบการณ์ในการเดินทางแบบใหม่เรียกว่าการเดินทางแบบเที่ยวส่วนตัวหรือว่า "Group and Go" นั่นเองค่ะ
แชร์ บทความนี้
พูดคุย เกี่ยวกับบทความนี้