สรุปการเดินทาง

อัตราค่าบริการ สำหรับเดินทาง 4-10 ท่าน (ราคาไม่รวมตั๋วเครื่องบิน)

กำหนดการเดินทาง
ธันวาคม 2567 - เมษายน 2568

หมายเหตุ :

• ราคานี้ใช้ไม่ได้กับช่วงวันหยุด, ช่วงเทศกาลปีใหม่ 27 ธันวาคม 2567 - 10 มกราคม 2568 , เทศกาลตรุษจีน กรุณาติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
• ** ราคานี้สำหรับลูกค้าที่ถือพาสปอร์ตไทยเท่านั้น และไม่มีราคาเด็ก **
• ราคาทัวร์ข้างต้นยังไม่รวมค่าทิปไกด์พม่า(นำเที่ยว) และพนักงานขับรถ จ่าย 800 บาท/ท่าน ตลอดการเดินทาง

รถนำเที่ยวพร้อมคนขับแบบส่วนตัว เที่ยวแบบส่วนตัวเฉพาะคุณเท่านั้น

เดินทางแบบส่วนตัว 4 ท่าน โดยรถ TOYOTA ALPHARD

เดินทางแบบส่วนตัว 6-10 ท่าน โดยรถ TOYOTA HIACE

แพลนการเดินทาง 

วันแรก :: กรุงเทพฯ - มัณฑะเลย์ - พระตำหนักไม้สักทองชเวนันดอร์ - วัดกุโสดอร์ - พระราชวังมัณฑะเลย์ - ชมวิวยอดเขามัณฑะเลย์

• .......... น. คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ/ดอนเมือง เคาน์เตอร์ สายการบินที่ท่านเลือกเอง
• .......... น. ออกเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ โดยสายการบินและเที่ยวบินที่ท่านเลือกซื้อเอง
• .......... น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติมัณฑะเลย์ เมืองมัณฑะเลย์ (ประเทศเมียนมาร์ เวลาช้ากว่าประเทศไทย 30 นาที) 
• จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ตัวเมืองมัณฑะเลย์

วัดชเวนันดอร์ เป็นอาคารไม้สักทองสลักเสลาด้วยลวดลายที่งามวิจิตร อาคารนี้เคยเป็นพระตำหนักที่ประทับของพระเจ้ามินดง เมื่อสิ้นพระชนม์ลงแล้ว พระเจ้าทีบอ (กษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่า) ได้รื้อมาถวายวัด ภายในอาคารยังตกแต่งด้วยไม้แกะสลักเล่าเรื่องมหาชาดก 10 ชาติ ที่ยังคงความสมบูรณ์มากที่สุด

วัดกุโสดอร์ (Kuthodaw Pagoda) มีองค์เจดีย์สีทองที่รูปแบบคล้ายกับเจดีย์ชเวสิกองแห่งเมืองพุกาม เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างโดยพระเจ้ามินดง เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานการสังคายนาพระไตรปิฏก โดยจารึก 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนหินอ่อนขนาดใหญ่จำนวน 729 แผ่น

พระราชวังมัณฑะเลย์ พระราชวังที่เคยเป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองที่สุด เป็นพระราชวังขนาดใหญ่มีประตูเข้าถึง 12 ประตู ตัวพระราชวังเป็นหมู่อาคารไม้และตึกตกแต่งด้วยปูนปั้นมีระเบียงรอบถึง 5 ชั้น ประกอบด้วยท้องพระโรง พระที่นั่ง และตำหนักต่างๆ ทั้งหมดถูกไฟไหม้เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันทางการพม่าได้จำลองขึ้นใหม่อีกครั้งบนฐานเดิม

ภูเขามัณฑะเลย์ (Mandalay Hill) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวัง เขาลูกนี้สูง 240 เมตร ซึ่งเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดของเมืองมัณฑะเลย์ สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองมัณฑะเลย์เกือบทั้งเมือง และเป็ตจุดชมพระอาทิตย์ลับฟ้าที่สวยงามที่สุด

วันที่สอง :: มัณฑะเลย์(นั่งรถส่วนตัว) - พุกาม - วัดอนันดา - วิหารธรรมยันจี - ตลาดยองอู - พระมหาเจดีย์ชเวสิกอง - ชมทะเลเจดีย์ พระอาทิตย์ตกดิน ณ เจดีย์ชเวสันดอร์

วัดอนันดา (Ananda Temple) เป็นมหาวิหารขนาดใหญ่ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “เพชรน้ำเอกของพุทธศิลป์สกุลช่างพุกาม” เป็นที่รู้จักเหนือวิหารทั้งหลาย สร้างโดยพระเจ้าจานสิตา เมื่อก่อนยอดพระเจดีย์ยังเป็นสีขาวเหมือนกับพระเจดีย์องค์อื่นๆ ของพุกาม แต่รัฐบาลพม่าได้มาทาสีทองทับเมื่อปี พ.ศ. 2533 เพื่อสมโภชการสร้างอานันวิหารครบรอบ 900 ปี

วิหารธรรมยันจี (Dhammayangyi Temple) วิหารที่วัดนี้ได้ชื่อว่าใช้ความละเอียดพิถีพิถันในการสร้างมากที่สุดในพม่าก็ว่าได้ ถือว่าเป็นเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่และแข็งแรงที่สุด เพราะว่าสร้างด้วยอิฐแดง และมีลักษณะของเจดีย์แบบสี่เหลี่ยมคล้ายกับวัดอนันดา

ตลาดยองอู (Yong U Market) เป็นตลาดใหญ่ของเมืองพุกาม ที่นี่มีของขายสินค้าทุกชนิด ทั้งดอกไม้นานาพันธ์ เครื่องอุปโภคบริโภค อาหาร เสื้อผ้า ของที่ระลึกพื้นเมือง เหมาะสำหรับเดินชมเลือกซื้อของฝาก โดยเฉพาะเครื่องเขินของเมืองพุกามถือว่าเป็นหนึ่งเพราะฝีมือที่ประณีตและการออกแบบที่สวยงาม

พระมหาเจดีย์ชเวสิกอง 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของพม่า องค์เจดีย์สร้างเป็นทรงสถูปแบบดั้งเดิมของพม่าโดยแท้ มีลักษณะเป็นสีทองขนาดใหญ่ บรรจุพระบรมสารีริกาตุจากพระสรีระหลายส่วน ทั้งที่เป็นธาตุจากไหปลาร้า พระนลาฎ ตลอดจนพระเขี้ยวแก้วของพระเจ้าอโนรธา ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาจักรพุกาม การอธิษฐานกับเจดีย์ชเวสิกองนั้น เชื่อว่า เมื่อมาไหว้ที่นี่จะทำอะไรก็สำเร็จ

สักการะ เจดีย์ชเวสันดอร์ เชื่อกันว่าภายในบรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้าและยังมีรูปปั้นเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดูตั้งอยู่บริเวณลานของวิหาร จึงมีชื่อเรียกแบบฮินดูว่าเจดีย์กาเนซา จากบริเวณนี้สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า และเจดีย์น้อยใหญ่ ที่ตั้งอยู่รายรอบจนได้สมญานามว่า “ป่าทะเลเจดีย์” ให้ท่านเก็บภาพประทับใจตามอัธยาศัย

วันที่สาม :: พุกาม(นั่งรถส่วนตัว) - มัณฑะเลย์ - มหาเจดีย์ยักษ์มิงกุน - ระฆังยักษ์มิงกุน

ออกเดินทางสู่ท่าเรือริมน้ำอิระวดีข้ามฟากสู่ราชธานีเก่าของพระเจ้าปดุง เป็นเส้นทางสู่ มหาเจดีย์ยักษ์มิงกุน ชมร่องรอยของเจดีย์ขนาดใหญ่ที่พระเจ้าปดุงใช้แรงงานนับพันคนในการสร้าง โดยตั้งพระทัยว่าจะสร้างให้สูงใหญ่กว่าพระปฐมเจดีย์แห่งสยามและให้พระองค์สามารถทอดพระเนตรได้จากเมืองอังวะที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำอิรวดี แต่ด้วยความยิ่งใหญ่นี้ทำให้การก่อสร้างล่าช้าและพระองค์เสด็จสวรรคตเสียก่อน เจดีย์องค์นี้จึงสร้างได้แค่ฐานและถูกทิ้งร้างเรื่อยมา แต่เพียงฐานก็นับว่าใหญ่โตมาก หากสร้างเสร็จจะมีขนาดใหญ่และสูงที่สุดในโลก

ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ใหญ่ระดับโลกของมิงกุนคือ ระฆังยักษ์มิงกุน (Mingun Bell) โดยพระเจ้าปดุงสร้างถวายแด่เจดีย์มิงกุน มีน้ำหนัก 90 ตันสูง 4 เมตรปากระฆัง กว้าง 5 เมตร เป็นระฆังที่ตีดังกังวานจนถึงปัจจุบัน ในอดีตระฆังองค์นี้ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากระฆังแห่งพระราชวังเครมลินในกรุงมอสโกประเทศรัสเซีย แต่ระฆังเครมลินแตกไปแล้ว ปัจจุบันระฆังยักษ์มิงกุนจึงเป็นระฆังที่มีสภาพสมบูรณ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

วันที่สี่ :: ร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี - สะพานไม้อูเบ็ง - วัดมหากันดายง(มหาวิทยาลัยสงฆ์) - สนามบินมัณฑะเลย์ - กรุงเทพฯ

ร่วมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ พิธีพระพักตร์พระมหามัยมุนี (1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า) และร่วมกันถวายผ้าจีวรแด่พระมหามัยมุนี พระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ทรงเครื่องกษัตริย์ที่ได้รับการขนานนามว่า “พระพุทธรูปทองคำเนื้อนิ่ม” โดยก่อนหน้านั้นได้ประดิษฐานอยู่ในเมืองยะไข่ และหลังจากนั้นพระเจ้าปดุงได้อัญเชิญพระมหามัยมุนีออกจากเมืองยะไข่ล่องไปตามแม่น้ำอิรวดี มาประดิษฐานที่เมืองมัณฑะเลย์ โดยมีความเชื่อว่าเป็น "พระพุทธรูปที่ยังมีลมหายใจ" ดังนั้นมีการประกอบพิธีล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนีในทุกๆ เช้า

วัดมหากันดายง(มหาวิทยาลัยสงฆ์) เป็นวิทยาลัยสงฆ์ที่ใหญ่ที่สุดของพม่า ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรมที่ใหญ่ที่สุดในพม่า มีสามเณรและพระจำพรรษาอยู่มากถึงพันกว่ารูป โดยจะมีพระสงฆ์เดินเรียงแถวกันมารับบิณฑบาตรทุกเช้าให้ท่านได้ร่วมทำบุญตักบาตร

สะพานไม้อูเบ็ง เป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก ทอดข้ามผ่านทะเลสาบตองตะมาน โดยใช้ไม้สักจำนวน 1,086 ต้น สร้างเป็นสะพานยาว 1,200 เมตร โดยชื่ออูเบ็ง มาจากชื่อ อูเบียน ขุนนางที่ทำหน้าที่เป็นแม่กองในการสร้างสะพาน

• สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ สนามบินมัณฑะเลย์ 
• .......... น. เดินทางกลับ กรุงเทพฯ โดย สายการบินและเที่ยวบินตามที่ท่านเลือก
• .......... น.  ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ/ดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ